จอห์น สต็อกตัน : ย้อนรอยเจ้าของแชมป์แอสซิสต์สูงสุดตลอดกาลของ NBA

Author Photo
SN Illustration

หากโลกนี้ไม่มีคนชื่อ ‘ไมเคิล จอร์แดน’ เชื่อแน่ว่า ชิคาโก บูลส์ คงไม่กลายเป็นตำนานยอดทีม NBA แห่งยุค ‘90s และยอดนักบาสร่วมสมัยจากทีมคู่ปรับอย่าง ‘จอห์น สต็อกตัน’ กับ ‘คาร์ล มาโลน’ ก็น่าจะมีแหวนแชมป์ NBA ติดนิ้วบ้างสักวงสองวง

จอห์น สต็อกตัน (John Stockton) และคาร์ล มาโลน (Karl Malone) คือสองนักบาสคู่หูในตำนานของทีมยูท่าห์ แจ๊ซ รองแชมป์ NBA สองสมัยซ้อนในปี 1997 และ 1998 โดยตำแหน่งรองแชมป์ทั้งสองครั้ง ล้วนเป็นการเข้าชิงและแพ้ไปอย่างสนุกสูสีให้กับทีมเดียวกัน คือ ชิคาโก บูลส์ ของจอร์แดน

พูดง่าย ๆ ก็คือ หาก NBA เขียนบทมาให้จอร์แดนเป็นพระเอก ‘สต็อกตัน - มาโลน’ ก็เป็นวายร้ายที่พยายามร่วมกันดับฝันความยิ่งใหญ่ของยอดนักบาสที่เป็นขวัญใจคนทั่วโลก แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ เพราะ ‘พระเอก’ ยังสามารถฟันฝ่าอุปสรรคและก้าวไปคว้าแชมป์มาครองได้แบบ ‘แฮปปี้เอนดิ้ง’ ในท้ายที่สุดอยู่ดี

อย่างไรก็ดี ในชีวิตจริงคนเราไม่มีใครเป็นพระเอกหรือผู้ร้ายแบบบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนในหนังหรือละคร และจอห์น สต็อกตัน กับคาร์ล มาโลน ก็ไม่ใช่สองวายร้ายของทุกคนเสมอไป อย่างน้อยก็ในสายตาของแฟน ๆ ยูท่าห์ แจ๊ซ 

แม้ ‘สต็อกตัน - มาโลน’ จะไม่สามารถพาทีมเอาชนะไมเคิล จอร์แดน และคว้าแชมป์ NBA สมัยแรกในประวัติศาสตร์มาให้กับทีมต้นสังกัด แต่ทั้งคู่ยังคงเป็นฮีโร่ของแฟน ๆ ถึงขั้นมีการสร้างรูปปั้นหน้าสนามแข่งขันที่เป็นรังเหย้าเพื่อเป็นเกียรติให้กับบุคคลทั้งสอง โดยเฉพาะจอห์น สต็อกตัน นักบาสจอมแอสซิสต์ และขโมยลูกเก่งที่สุดตลอดกาลของ NBA ซึ่งยังไม่มีใครสามารถทำลายสถิติของเขาได้

แต่หากคุณเชื่อว่า มีใครที่จะล้มความแกร่งของสตอคตัน คุณสามารถเล่นเกมต่าง ๆ เกี่ยวกับ NBA เพื่อ ชิงรางวัลกับการทายผลNBAได้ที่นี่ 

John Stockton y Karl Malone, MVP

ยอดการ์ดจ่ายกับสถิติที่ยังไม่มีใครทำลาย

จอห์น สต็อกตัน ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้เล่นในตำแหน่ง ‘การ์ดจ่าย’ หรือ ‘พอยต์การ์ด’ ขนานแท้ที่ดีที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ NBA แม้เขาจะมีส่วนสูงเพียง 6 ฟุต 1 นิ้ว (185 ซม.) ซึ่งถือว่าตัวเล็กเมื่อเทียบกับผู้เล่นตำแหน่งเดียวกันคนอื่น ๆ เช่น ‘เจสัน คิดด์’ (Jason Kidd) สูง 6 ฟุต 4 นิ้ว หรือซูเปอร์สตาร์รุ่นต่อมาอย่าง ‘สตีเฟ่น เคอร์รี’ (Stephen Curry) ก็สูงกว่าเขา 1 นิ้ว

สำหรับสต็อกตัน ร่างกายและส่วนสูงไม่ใช่ปัญหา เพราะเขาเป็นผู้เล่นตัวเล็กที่ว่องไว เล่นบอลง่าย ไม่หวือหวา แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และสายตาอันฉลาดหลักแหลม

จุดเด่นของสต็อกตัน คือ การจ่ายบอลให้เพื่อนทำแต้ม (assist) ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ หลายครั้งเขาจ่ายด้วยมือข้างเดียวที่กำลังเคาะลูกเลี้ยงบาส ทำให้คู่แข่งจับทางไม่ทัน นอกจากนี้ยังอ่านเกมขาดจนสามารถขโมยลูก (steal) จากคู่แข่งมาครองได้บ่อยครั้ง และกลายเป็นนักบาสที่ทั้งแอสซิสต์ และขโมยลูกได้มากที่สุดตลอดกาลของ NBA

ตลอดการเล่นบาสอาชีพ 19 ฤดูกาล สต็อกตันทำแอสซิสต์ไปทั้งหมด 15,806 ครั้ง และขโมยลูกได้ 3,265 ครั้ง ยังคงเป็นตำนานในทักษะทั้งสองด้านของ NBA ที่ไม่มีผู้ใดสามารถทำลายสถิติจวบจนปัจจุบัน (2023)

John Stockton

จากนักบาสตัวเล็กสู่ตำนาน NBA

จอห์น สต็อกตัน เกิดวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ.1962 ที่เมืองสโปเคน (Spokane) ในรัฐวอชิงตัน ของสหรัฐอเมริกา เขาเริ่มสร้างชื่อจากการเล่นบาสมหาวิทยาลัยให้กับทีมเล็ก ๆ ในบ้านเกิดที่ชื่อว่า ‘กอนเซก้า ยูนิเวอร์ซิตี้’ (Gonzaga University) และกลายเป็นนักบาสคนแรกในประวัติศาสตร์ของกอนเซก้า ที่ทำคะแนนได้เกิน 1,000 แต้ม และแอสซิสต์เกิน 500 ครั้ง

สต็อกตันถูกดราฟต์เข้ามาเล่นอาชีพใน NBA เมื่อปี 1984 รุ่นเดียวกับซูเปอร์สตาร์อย่าง ฮาคีม โอลาจูวาน, ไมเคิล จอร์แดน และชาร์ลส บาร์คลีย์ โดยในการดราฟต์ตัวปีนั้น โอลาจูวาน คือ ผู้เล่นที่ถูกดราฟต์คนแรก จอร์แดนเป็นคนที่สาม และบาร์คลีย์อยู่ลำดับ 5 ส่วนสต็อกตันที่ยังไม่ค่อยมีคนเห็นค่าถูกยูท่าห์ แจ๊ซ ดราฟต์มาเป็นลำดับที่ 16

แฟรงค์ เลย์เดน (Frank Layden) โค้ชคนแรกของสต็อกตันที่ยูท่าห์ เคยให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ทีมของเขาไม่รู้ตัวมาก่อนว่ากำลังได้ ‘เพชรในตม’ ตอนสต็อกตันถูกดราฟต์เข้ามาร่วมทีมใหม่ ๆ

ไม่มีใครคาดคิดว่า เขาจะกลายเป็นผู้เล่นที่เก่งแบบนี้

เลย์เดนยอมรับว่า ตัวเขาเองก็คิดเหมือนกันว่า สต็อกตันคงเป็นแค่ส่วนหนึ่งของแผนการทำทีม ไม่ใช่ผู้เล่นหลักและหัวใจของทีมแต่อย่างใด หากแต่ว่าสต็คอตันได้แสดงให้เห็นว่า เขาสามารถทำให้ทุกคนคิดผิดกับความสามารถของตัวเขา

ทำงานหนักเพื่อทีม

NBA เป็นลีกที่มักขายความสามารถเฉพาะตัวและลีลาของผู้เล่นซูเปอร์สตาร์ แต่สต็อกตัน คือ ผู้เล่นคนสำคัญของทีมที่ไม่ใช่ ‘วันแมนโชว์’ เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นนักบาสที่เล่นเป็นทีมได้ดีที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ สิ่งนี้เริ่มปรากฏชัดหลังจากปีต่อมา (1985) แจ๊ซเลือกดราฟต์ คาร์ล มาโลน เจ้าของฉายา ‘เมลแมน’ หรือ ‘บุรุษไปรษณีย์’ ผู้ส่งลูกสู่เป้าหมายได้อย่างแม่นยำ มาร่วมทัพในตำแหน่งเพาเวอร์ ฟอร์เวิร์ด

สต็อกตัน - มาโลน ฝึกซ้อมร่วมกันอย่างหนักจนเข้าขา และกลายเป็นคู่หู ‘การ์ด - ฟอร์เวิร์ด’ ที่ทำแต้มได้อย่างเมามันชนิดที่ต้องบอกว่า เป็นนักบาสที่รู้ใจกันและช่วยกันทำแต้มได้มากที่สุดคู่หนึ่งในประวัติศาสตร์ NBA กระทั่งต่อมาคำว่า "สต็อกตัน ทู มาโลน” (Stockton to Malone) กลายเป็นหนึ่งในประโยคที่นักพากย์ต้องพูดซ้ำบ่อยที่สุด และติดหูแฟนบาสยุคนั้นเป็นอย่างดี

การประสานงานอันยอดเยี่ยมของทั้งคู่ยังเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้สต็อกตัน กลายเป็นเจ้าของสถิติดีที่สุดแทบทุกอย่างในการแอสซิสต์ ไม่ว่าจะเป็นนักบาสที่ทำแอสซิสต์ได้มากที่สุดในหนึ่งฤดูกาล (1,164) ทำแอสซิสต์เฉลี่ยต่อเกมได้สูงสุดในหนึ่งฤดูกาล (14.5) และครองแชมป์แอสซิสต์ได้ติดต่อกันยาวนานที่สุด 9 ซีซั่น

แจ๊ซในยุคสต็อกตัน ไม่เคยพลาดผ่านเข้าไปเล่นในรอบเพลย์ออฟ และสามารถไปไกลถึงรอบชิงแชมป์สายภาคตะวันตกได้ถึง 5 ครั้ง ภายในระยะเวลา 7 ปี

หนึ่งในภาพจำที่เป็นไฮไลต์ผลงานของสต็อกตัน คือ การยิงสามแต้มลงห่วงในช่วงวินาทีสุดท้ายต่อหน้าตัวประกบระดับพระกาฬอย่าง ชาร์ลส บาร์คลีย์ ของฮิวส์ตัน ร็อคเกตส์ ทำให้แจ๊ซเฉือนชนะร็อคเกตส์ ไปแบบสุดมัน 103 - 100 และพาทีมต้นสังกัดทะลุเข้ารอบชิงแชมป์ NBA ได้เป็นครั้งแรกในปี 1997

John Stockton Chicago Utah

ลีลาเรียบง่ายแต่ทรงประสิทธิภาพ

เขาไม่เลี้ยงลูกไขว้หลัง หรือลอดใต้หว่างขา เขาไม่เล่นท่าครอสโอเวอร์ (เลี้ยงโยกหลอก) ภาพไฮไลต์ของเขาส่วนใหญ่คือการเลี้ยงผ่านไปและขึ้น ‘เลย์อัป’ ง่าย ๆ แม้ทุกวันนี้มันจะไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว แต่นั่นคือบาสเกตบอล เขาไม่ได้ฝึกจ่ายแบบไม่มองเป้า แต่เราทุกคนก็รู้สึกเสียดายที่จะไม่ได้ดูเขาเล่นอีกต่อไป

แซม สมิธ (Sam Smith) นักข่าวผู้คร่ำหวอดในวงการบาส NBA กล่าวประโยคนี้กับ ESPN ในวันที่จอห์น สต็อกตัน ประกาศรีไทร์ แม้นักวิจารณ์หลายคนจะบ่นว่า ลีลาของสต็อกตันไม่หวือหวาและน่าเบื่อ แต่เขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ลีลาการเล่นของเขาเป็นแบบอย่างให้กับนักบาสที่เป็นคนธรรมดาทั่วไปสามารถเรียนรู้และทำตามได้ในกีฬาชนิดนี้

นอกจากจุดเด่นเรื่องการจ่ายบอลที่แม่นยำและอ่านเกมขาด จนสามารถขโมยลูกได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ NBA สต็อกตันยังได้รับคำชมเรื่องการเล่นเป็นทีมได้เก่งที่สุดคนหนึ่ง โดยเฉพาะการเล่นแผนยืนสกรีนตัวประกบให้กับเพื่อนเพื่อทำแต้ม หรือที่ภาษาบาสเรียกว่า ‘พิค แอนด์ โรล’ (pick and roll) 

มันน่าเสียดายที่เราไม่เก็บสถิติเรื่องการสกรีน

เจอร์รี สโลน (Jerry Sloan) โค้ชผู้พาแจ๊ซ เข้ารอบชิง NBA สองสมัย กล่าวถึงบทบาทของสต็อกตัน

นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งที่เขาทำเพื่อทีม มันช่วยบอกคุณได้บ้างว่าเขาเป็นใคร และทำอะไรเพื่อพยายามให้คนอื่นโดดเด่นกว่าตัวเอง เขาไม่ใช่คนตัวจิ๋วในการเล่นสกรีน บางทีกฎกติกาต่าง ๆ อาจต้องเปลี่ยนเพราะวิธีที่เขาช่วยสกรีนคนตัวใหญ่เหล่านั้น

อย่างที่ เจอร์ร สโลน บอก วงการ NBA ไม่ได้มีการเก็บสถิติเรื่องการสกรีนเอาไว้ ไม่อย่างนั้น จอน สต็อกตัน คงได้รับการยกย่องจากแฟนบาสเกตบอลรุ่นหลังมากกว่านี้

Getty Images

เป็นตำนานในแบบของตัวเอง

สต็อกตันประกาศอำลาอาชีพนักบาส NBA ในปี 2003 พร้อมสร้างสถิติเป็นนักบาสที่เล่นให้ทีมเดียวติดต่อกันยาวนานที่สุด 19 ฤดูกาล 

นอกจากนี้ สต็อกตันยังเป็นผู้เล่นคนที่ 10 ในประวัติศาสตร์ของลีกที่ลงเล่นจนถึงอายุ 40 ปี โดยนอกจากแจ๊ซ จะสร้างอนุสาวรีย์ของเขาคู่กับคาร์ล มาโลน ไว้หน้าสนามแข่งขัน ทีมยังประกาศยกเลิกใช้เสื้อหมายเลข 12 เพื่อเป็นเกียรติให้กับสต็อกตัน และเมืองซอลต์ เลค ซิตี้ นครหลวงของรัฐยูท่าห์ ก็ตั้งชื่อถนนตามชื่อฮีโร่คนนี้ของพวกเขาอีกด้วย

ในพิธีอำลาอาชีพนักบาสที่สนามเดลต้า เซ็นเตอร์ ของแจ๊ซ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2003 สต็อกตันกล่าวขอบคุณเลย์เดน โค้ชคนแรกที่ยูท่าห์ ผู้ให้คำแนะนำที่ดีตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นอาชีพนักบาส โดยเฉพาะคำแนะนำให้อย่าลืมตัว หรือเปลี่ยนแปลงตัวตนไปจากคนเดิมสมัยเข้ามาเป็นผู้เล่นหน้าใหม่

ผมไม่เคยเปลี่ยนไปเลย แม้แต่ความยาวของกางเกงก็ไม่เปลี่ยนแปลง

สต็อกตันกล่าวติดตลก หลังจากเขาเป็นหนึ่งในนักบาสอาชีพเพียงไม่กี่คนที่ไม่ยอมตามแฟชั่น หันมาสวมกางเกงบาสทรงใหญ่ ๆ โคร่ง ๆ ซึ่งได้รับความนิยมในยุค ‘90s

จอห์น สต็อกตัน ได้รับการบันทึกชื่อในหอเกียรติยศ ‘บาสเกตบอล ฮอลล์ ออฟ เฟม’ เมื่อปี 2009 โดยตลอด 19 ซีซั่นในฐานะนักบาสอาชีพ เขามีชื่อติดทีมรวมดารา NBA ทั้งหมด 10 สมัย และได้เป็นตัวแทนทีมชาติสหรัฐอเมริกาชุด ‘ดรีมทีม’ ไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิก คว้าเหรียญทองมาครอง 2 ครั้ง (1992 และ 1996)

แม้สุดท้ายสต็อกตันจะไม่สามารถไปถึงความฝันอันสูงสุดของนักบาสอาชีพทุกคน นั่นคือ การคว้าแชมป์ NBA มาประดับบารมี แต่เขาบอกว่า เรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมาในชีวิตมันคือ ‘การเดินทาง’

ผมมั่นใจว่ามีหลายคนที่คว้าแชมป์ได้โดยไม่ต้องทุ่มเททำงานหนักมากมายอะไร ส่วนพวกเราทำงานหนักมากและยังคว้าแชมป์มาครองไม่ได้ แต่ผมก็รู้สึกเหมือนกับว่าได้รับรางวัลกลับมามากมายจากความพยายามที่ใช้ไปในการแข่งขันเช่นกัน

รางวัลที่ว่าของจอห์น สต็อกตัน อาจไม่ใช่โทรฟี่ หรือแหวนแชมเปี้ยน เหมือนที่ ‘พระเอก’ ของวงการบาส NBA ในยุค ‘90s อย่างไมเคิล จอร์แดนได้รับ แต่มันคือการได้เป็นตำนานในแบบฉบับของตัวเอง ในฐานะนักบาสตัวเล็กที่มีจิตใจแน่วแน่ และทำงานหนักเพื่อทีม โดยมีตำแหน่งแชมป์แอสซิสต์ และขโมยลูกสูงสุดตลอดกาลเป็นเครื่องรับประกัน

เราไม่มีทางมี ‘จอห์น สต็อกตัน’ อีกคนอีกต่อไปอย่างแน่นอน

คาร์ล มาโลน กล่าวทิ้งท้ายถึงคู่หูที่ร่วมงานกันมายาวนาน 18 ปี เพื่อที่จะบอกว่า ไม่มีใครสามารถมาแทนที่ตำนานที่ชื่อ จอห์น สต็อกตัน

Karl Malone y John Stockton

เรื่อง: ภานุวัตร เอื้ออุดมชัยสกุล

อ้างอิง: 

https://www.espn.com/nba/history/leaders/_/stat/assists

https://www.nba.com/news/history-nba-legend-john-stockton

https://olympics.com/en/athletes/john-houston-stockton

https://www.basketballnetwork.net/latest-news/karl-malone-on-his-legacy-with-john-stockton

https://www.basketballnetwork.net/latest-news/legendary-players-who-never-missed-the-playoffs

https://www.hoophall.com/hall-of-famers/john-stockton/

 

ผู้แต่ง
Author Photo
บรรณาธิการบริหาร The Sporting News Thailand
LATEST VIDEOS